การต่อวงจรความต้านทานและตัวเหนี่ยวนำอนุกรมกัน จะทำให้คุณสมบัติต่างๆ ของวงจรเป็นดังนี้
รูปแบบของวงจร
R
– L อนุกรม
จากวงจรด้านบน เราสามารถหาค่าต่างๆ ได้ดังนี้
1.
จากวงจรก่อนจะหาค่าอื่นๆ
เราต้องหาค่าอินดักทีพ รีแอคแตนซ์ (XL) ก่อน จากสูตร
XL = 2pfL
= 2 x 3.14 x 50 x 32 x 10-3
= 10 Ð90°Ω (มุมของ
XL
เป็น 90 องศาเสมอ)
2.
หาค่าอิมพีแดนซ์ ( Z )
3.
หาค่ากระแสที่ไหลในวงจร
(
มุมของแรงดัน หากไม่ได้บอกไว้ แสดงว่ามีค่าเป็น 0 องศา )
4. หาค่า
VR (แรงดันตกคร่อมความต้านทาน)
หาได้จากสูตร
VR = IR
= 9.84
Ð-26.6° x 20 Ð0°
= 196.8 Ð-26.6° V
5. หาค่า
VL (แรงดันตกคร่อมตัวเหนี่ยวนำ)
หาได้จากสูตร
VL = IXL
= 9.84
Ð-26.6° x 10 Ð90°
= 98.4 Ð63.4° V
6. เพาเวอร์แฟคเตอร์ เท่ากับ cosq
8. นำค่าต่าง ๆ ที่คำนวณได้มาเขียนเป็นเวกเตอร์ ได้ดังนี้
7. กำลังไฟฟ้าในวงจร
กำลังไฟฟ้าปรากฏ, S = EI
= 220 x 9.84
= 2,164.8 VA
กำลังไฟฟ้าจริง, P = EIcosq
=
220 x 9.84 x cos26.6°
= 220 x 9.84 x 0.895
=
1,937.5 W
กำลังไฟฟ้าต้านกลับ Q = EIsinq
=
220 x 9.84 x sin26.6°
= 220 x 9.84 x 0.448
= 970 VAR
8. นำค่าต่าง ๆ ที่คำนวณได้มาเขียนเป็นเวกเตอร์ ได้ดังนี้
จากรูปแวกเตอร์ของวงจร
R
– L อนุกรม เราจะสังเกต ได้ดังนี้
1. VR
และ I
จะอยู่เฟสเดียวกัน ( มีมุมเท่ากัน )
2. I จะตามหลัง E
เท่ากับมุม q
3. VR
จะตามหลัง VL และจะทำมุมกัน 90 องศา
4. ผลรวมของ
VR
และ VL
จะมีค่าเท่ากับแรงดันที่จ่าย คือ E
จากการหาค่าต่างๆ ในวงจร เรานิยมทำให้ค่าต่าง ๆ อยู่ในจำนวนเชิงซ้อนรูปแบบเชิงขั้ว (Polar Form)
จากการหาค่าต่างๆ ในวงจร เรานิยมทำให้ค่าต่าง ๆ อยู่ในจำนวนเชิงซ้อนรูปแบบเชิงขั้ว (Polar Form)
ความคิดเห็น