โหลดทางไฟฟ้าจะมีอยู่ 3 ชนิด คือ
1. โหลดที่เป็นความต้านทาน (
R )
2. โหลดที่เป็นตัวเหนี่ยวนำหรือขดลวด ( L )
3.
โหลดที่เป็นตัวเก็บประจุไฟฟ้า ( C )
ในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ โหลดทั้ง 3
ชนิดจะแสดงผลกับวงจร ไม่เหมือนในวงจรไฟฟ้ากระแสตรง
ที่จะมีเฉพาะโหลดที่เป็นความต้านทานเท่านั้นที่จะมีผลต่อวงจร
เพราะหากเรานำโหลดที่เป็นขดลวดไปต่อในวงจรไฟฟ้ากระแสตรง
จะเหมือนเรานำสายไฟธรรมดาไปต่อวงจรนั่นเอง และหากเรานำโหลดที่เป็นตัวเก็บประจุไปต่อในวงจรไฟฟ้ากระแสตรง
ก็จะเหมือนเราไม่ได้ต่ออะไรอยู่ในวงจรเลย
ตัวอย่างภาพวงจรด้านบน หากเราเปลี่ยนแหล่งจ่ายเป็นแหล่งจ่ายไฟฟ้ากระแสตรง ( DC )
จากวงจรด้านบน เมื่อเราจ่ายแรงดันเป็นแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง กระแสไฟฟ้าจะไม่สามารถไหลผ่านตัวเก็บประจุได้ เปรียบเสมือนวงจรขาดนั่นเอง ในวงจรนี้จะไม่มีกระแสไหล
จากวงจรด้านบน เมื่อเราจ่ายแรงดันเป็นแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง
จะเกิดวงจรช๊อตที่ตัวเหนี่ยวนำ เนื่องจากในวงจรไฟฟ้ากระแสตรง
ตัวเหนี่ยวนำจะมีค่าความต้านทานเป็นศูนย์นั่นเอง
สรุปหากมีการนำค่าตัวเหนี่ยวนำ
และตัวเก็บประจุไปต่อในวงจรไฟฟ้ากระแสตรงจะทำให้มีผล คือ
ตัวเหนี่ยวนำจะมีค่าความต้านทานเป็นศูนย์ (วงจรปิด) และตัวเก็บประจุจะมีความต้านทานเป็นอนันต์
(วงจรเปิด) จะเหลือเฉพาะความต้านทานไฟฟ้าเท่านั้นที่มีผลต่อวงจร
ดังนั้นในวงจรที่จ่ายแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงให้กับวงจร
หรือวงจรไฟฟ้ากระแสตรง หากเรานำตัวเก็บประจุไปต่อในวงจรจะทำให้วงจรนั้นขาดไม่มีกระแสไหล
หากเรานำตัวเหนี่ยวนำไปต่อในวงจรจะทำให้วงจรนั้นช๊อต เสมือนเรานำสายไฟไปต่อนั่นเอง
ผลต่อวงจร
การต่อตัวเหนี่ยวนำในวงจรขนาน จะทำให้วงจรช๊อต
การต่อตัวเก็บประจุในวงจรขนาน
จะเหมือนไม่ได้ต่ออะไรเลย
การต่อตัวเหนี่ยวนำในวงจรอนุกรม
จะเหมือนต่อสายไฟ กระแสผ่านไปได้
การต่อตัวเก็บประจุในวงจรอนุกรม
จะทำให้วงจรขาดไม่มีกระแสไหล
ตัวอย่างวงจร
จะเหลือเพียงความต้านทาน 1 ตัวต่ออยู่ในวงจร
ความคิดเห็น