โดยส่วนมากในการอนุรักษ์พลังงานในระบบปรับอากาศอย่างง่ายและสามารถทำได้เองมักจะเน้นการดำเนินการในมาตรการด้านการจัดการเป็นหลัก เนื่องจากมาตรการทางประเภทนี้จะไม่มีการลงทุนเลย หรืออาจจะมีการดำเนินการในมาตรการด้านการปรับปรุงกระบวนการผลิตบ้าง ซึ่งเป็นการลงทุนต่ำคืนทุนเร็ว ดังนั้นการอนุรักษ์พลังงานในระบบปรับอากาศอย่างง่ายสามารถดำเนินมาตรการได้ดังนี้
มาตรการลดเวลาการใช้เครื่องปรับอากาศ จะสามารถดำเนินการได้ตามนี้
1. ปิดเครื่องปรับอากาศในช่วงเวลาพักกลางวัน
2. ลดจำนวนชั่วโมงการใช้งานเครื่องปรับอากาศ
3. เปิดเครื่องปรับอากาศหลังจากเข้าทำงาน 15-30
นาที หรือ ปิดเครื่องปรับอากาศก่อนเวลาเลิกงาน 15-30 นาที โดยเมื่อทำการปิดเครื่องปรับอากาศก่อนเวลาเลิกงานแล้ว
ไม่ควรทำการเปิดประตู หน้าต่าง
ซึ่งจะทำให้อากาศร้อนจากภายนอกเข้ามาในห้องปรับอากาศทำให้อุณหภูมิภายในห้องสูงขึ้น
ซึ่งเมื่อการดำเนินมาตรการนี้จะทำให้เกิดผลประหยัดอยู่ที่ 8 % ของการใช้พลังงานของเครื่องปรับอากาศ
มาตรการควบคุมการใช้งานระบบปรับอากาศ
นั้นจะต้องตั้งอุณหภูมิสูงกว่า 25◦C โดยปกติมักจะมีการรณรงค์ให้ตั้งอุณหภูมิที่
25◦C แต่ถ้าเป็นไปได้ก็สามารถตั้งอุณหภูมิไว้สูงกว่านี้ก็ได้
ซึ่งจากการวิจัยพบว่าอุณหภูมิที่ทำให้รู้สึกสบายของคนไทยจะอยู่ที่ 22-29◦C
โดยการเพิ่มอุณหภูมิขึ้น 1◦C จะทำให้ประหยัดพลังงานขึ้น
3 % หรืออาจทำการตั้งอุณหภูมิในฤดูฝนและฤดูหนาวไว้ที่ 26.6◦C
ส่วนในหน้าร้อนอาจตั้งไว้ที่25.5◦C ถ้าทำการเพิ่มอุณหภูมิให้สูงขึ้นยังไม่รู้สึกสบาย
อาจทำการใช้พัดลมช่วยกระจายความเย็น
เพิ่มความเร็วลมแทนการตั้งอุณหภูมิปรับอากาศต่ำลงก็สามารถช่วยให้เกิดการประหยัดได้เช่นกัน
นอกจากนี้การแยกโซนตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสมกับพื้นที่
ตัวอย่างเช่น บริเวณทางเดิน หรือโถงลิฟต์ ที่จำเป็นต้องมีการปรับอากาศ
อาจจะตั้งอุณหภูมิสูงกว่าห้องทำงานก็ได้ ซึ่งอาจจะตั้งไว้ที่ 27.7◦C เพื่อเป็นการลดภาระการทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ
มาตรการลดภาระการทำงานของเครื่องปรับอากาศ
ซึ่งเมื่อการดำเนินมาตรการนี้จะมีเปอร์เซ็นต์ผลประหยัดอยู่ที่ 10 % ของการใช้พลังงานของเครื่องปรับอากาศที่ดำเนินมาตรการ
โดยมีแนวทางในการดำเนินมาตรการ คือ นำอุปกรณ์ที่มีภาระความร้อนออกจากห้องปรับอากาศ
เช่น เครื่องถ่ายเอกสาร กาต้มน้ำ ตู้เย็น
หรือปิดอุปกรณ์ผลิตความร้อนเมื่อไม่ใช้งาน เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์
เครื่องปริ๊นเตอร์แบบเลเซอร์ ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้จะแผ่รังสีความร้อนออกไปทั่วห้องปรับอากาศ
ซึ่งความร้อนที่เกิดขึ้นทำให้มีอุณหภูมิในห้องเพิ่มสูงขึ้น
ดังนั้นเพื่อที่จะรักษาอุณหภูมิภายในห้องให้เท่าเดิม
เครื่องปรับอากาศจึงต้องทำความเย็นเพิ่มขึ้น
ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานเพิ่มขึ้นอีกด้วย และอีกตัวอย่างที่ควรคำนึงสำหรับ
มาตรการลดภาระการทำงานของเครื่องปรับอากาศ
คือการกั้นพื้นที่เพื่อลดภาระของเครื่องปรับอากาศโดยเป็นการลดพื้นที่ในการปรับอากาศ
ซึ่งสามารถช่วยให้เกิดการประหยัดพลังงานได้เป็นอย่างดี
การบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศ
นั้นจะต้องทำการการตรวจสอบและทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศทุกเดือน
และควรทำการล้างเครื่องปรับอากาศทุกๆ 6 เดือน
ซึ่งเมื่อการดำเนินตามมาตรการนี้ส่งผลประหยัดได้ถึง 5 % ของการใช้พลังงานของเครื่องปรับอากาศที่ดำเนินมาตรการ
การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเครื่องปรับอากาศ
นั้นให้ย้าย Condensing Unit ให้อยู่ในที่ร่ม
การลดอุณหภูมิอากาศก่อนเข้า Condensing Unit โดยการติดตั้งอุปกรณ์
Cooling Pad เข้ากับชุด Condensing Unit เพื่อทำหน้าที่ลดอุณหภูมิของอากาศก่อนที่จะผ่านเข้าไประบายความร้อนให้กับระบบปรับอากาศ
ซึ่งจะสามารถลดการใช้พลังงานลงหรือช่วยให้เกิดผลประหยัดถึง 2% เทคนิคการประหยัดพลังงานระบบปรับอากาศดังที่กล่าวมาทั้งหมดยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับบ้านที่อยู่อาศัย
ที่มา :
http://www.energysavingmedia.com/news/page.php?a=10&n=2&cno=3897
ความคิดเห็น