จำนวนผู้เยี่ยมชมหน้านี้
แสงไฟที่ใช้ในบ้าน
แสงไฟที่ใช้ในบ้าน แบ่งเป็น 3 ลักษณะ
1. แสงสว่างทั่วไป (Background Lighting)
เป็นการใช้แสงทดแทนแสงธรรมชาติโดยให้แหล่งกำเนิดจากที่สูงได้แก่ไฟที่ติดบนเพดานผนังหรือโคมไฟห้อยจากเพดาน
2. แสงเพื่อทำงาน (Task Light) เน้นระดับแสงที่สว่างเป็นพิเศษ
และควรให้แสงสว่างอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ทำให้เกิดเงามืดบนพื้นที่ทำงาน
3. แสงสำหรับเน้น (Accent Light) สำหรับการเน้นแสงเงาเพื่อสร้างมิติให้งานตกแต่ง แสงประเภทนี้เกิดจาก
ดวงไฟสปอตไลท์ไฟส่องรูปภาพ(Picture Light) ไฟที่ซ่อนอยู่ในช่องว่างของผนัง
รวมไปถึงโคมไฟตกแต่งต่างๆ
หลอดไฟฟ้าภายในบ้าน
เมื่อรู้จักลักษณะแสงไฟที่ใช้ภายในบ้านแล้ว
ต่อมาควรรู้จักประเภทขอหลอดไฟซึ่งให้แสงที่มีลักษณะการใช้งานและให้ผลกับความรู้สึกต่างกันไป
ประเภทของหลอดไฟก็สำคัญไม่แพ้กัน หลอดไฟที่ใช้กันในบ้านมีอยู่ 3 ประเภทหลัก ๆ คือ
1. หลอดไส้ทังสเตน (tungsten) จะให้แสงที่อบอุ่น ออกโทนสีเหลือง
และเหมาะสำหรับการใช้ในงานตกแต่งเพื่อสร้างบรรยากาศและแสงเงาที่สวยงามเหมือนแสงธรรมชาติ
และสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์หรี่ไฟ ( Dimmer ) แต่มีข้อเสียที่อายุการใช้งานสั้น
2. ฮาโลเจน (Halogen) หลอดไฟชนิดนี้จะให้แสงที่ดูขาวและสว่างกว่าทังสเตน
เพราะภายในหลอดไฟจะใส่ก๊าซฮาโลเจน ซึ่งช่วยให้แสงแสดงรายละเอียดของสีสัน
ที่ให้ความรู้สึกสดใสและสว่างมาก เหมาะจะใช้กับ โคมไฟสปอตไลท์ เพื่อเน้นจุดสำคัญ
แต่มีปัญหาเรื่องความร้อนสูงมาก
แต่ก็สามารถใช้ชุดหรี่ไฟติดเพื่อปรับปริมาณแสงและความร้อนได้ตามต้องการ
3. ฟลูออเรสเซ้นต์ (Fluorescent) แสงไฟชนิดนี้ได้รับความนิยมมากเพราะราคาถูกและประหยัดพลังงานแต่แสงมีผลต่อโทนสีของห้องที่เพี้ยนจากสีจริงไปทางสีฟ้า
แต่ในปัจจุบันมีการใช้ชนิดของแก้วสีเพื่อปรับแสงสีและปรับให้แสงไฟดูนุ่มนวลมีโทนขาว
และเหลือง เพื่อให้แสงดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
สรุปลักษณะของแสงและความเหมาะสมในการใช้งาน
ของหลอดประเภทต่างๆ ชนิดของหลอดไฟ โทนสีของหลอด
หลอดไส้
โทนอุ่น เช่น ส้ม แดงสดใส และขาวอมสีฟ้า
เหมาะกับห้องที่ต้องการสร้างบรรยากาศอบอุ่น โรแมนติก อย่างห้องนอน
ห้องรับประทานอาหาร
ฟลูออเรสเซ็นต์
โทนสีขาว ส่วนใหญ่แสงจะอมฟ้า และเขียว ให้แสงที่สว่างมาก
สีห้องไม่เพี้ยนตามแสงสีและประหยัดไฟเป็นพิเศษจึงเหมาะกับพื้นที่ทำงาน
ฮาโลเจน
โทนเหลืองอบอุ่น ให้แสงสว่างเน้นเฉพาะจุดได้ดี เหมาะกับ ส่องเน้นงานศิลปะ
ของตกแต่งบนผนังหรือในตู้โชว์
โคมไฟฟ้าภายในบ้าน
สุดท้ายลองมาดูชนิดของโคมไฟที่จะสร้างให้เกิดบรรยากาศอย่างที่ต้องการ
รูปแบบโคมที่ให้บรรยากาศแสงต่างกันไป
ไฟเพดาน
ดาวน์ไลท์เป็นโคมไฟที่ใช้ง่ายและนิยมมากที่สุดเพราะให้แสงสว่างได้ทั่วถึงทั้งห้อง
แต่อย่างไรก็ตามการใช้แสงชนิดนี้เพียงอย่างเดียว ถึงห้องจะดูสว่างก็จริงแต่ขาดมิติ
ควรมีการเพิ่มแสงไฟ เน้นเฉพาะจุดสปอตไลท์และติดตั้งชุดหรี่ไฟ
เพื่อปรับความสว่างเฉพาะจุดได้ตามต้องการ
โคมไฟระย้า
รูปแบบของโคมไฟห้อยเพดานนั้น
จะทำให้แสงกระจายลงมาเท่ากันในทุกทิศทางเฉพาะพื้นที่ใช้งานเหมาะกับการเน้นพื้นที่เฉพาะ
อย่างโต๊ะรับประทานอาหาร ชุดรับแขก โดยสามารถควบคุมทิศทางของแสงได้ด้วยลักษณะโคม
ที่ปล่อยให้แสงส่องลงล่าง หรือบนเพดาน หรือความสูงต่ำของโคมก็มีผลกับความสว่างของการใช้งานได้
รวมทั้งสีของโคมก็มีผลต่อแสงสว่างที่ออกมาดังนั้นต้องดูให้เหมาะสม
ไฟสปอตไลท์
มีลักษณะแสงที่ส่องตรงเฉพาะจุด
และก้านโคมสามารถปรับตำแหน่งได้เพื่อส่องให้ตรงกับรูปภาพต้นไม้
ผนังที่หรือสิ่งของที่ต้องการเน้นให้ดูเด่น สามารถติดได้ทั้งบนเพดาน ผนัง และพื้น
ไฟผนัง
( Wall Light) เป็นไฟที่ให้แสงสว่างเน้นบนผนังเพื่อกระจายออกด้านหน้า
โดยแสงออกเพดานและพื้นด้วยมักจะอยู่ในรูปของโป๊ะที่ยื่นออกมาจากผนัง จึงเหมาะ
สำหรับหน้าโต๊ะแต่งตัว เพราะจะให้แสงสว่างโดยไม่เกิดเงาบนใบหน้า
โคมไฟตั้งโต๊ะ
(Table Lamps) และโคมไฟตั้งพื้น
(Floor Lamps)โคมไฟตั้งโต๊ะจะให้แสงที่นุ่มนวล
และกระจายแสงในมุมแคบ
โดยขึ้นอยู่กับรูปแบบของโคมเหมาะกับการสร้างบรรยากาศในมุมที่มืดของบ้าน
หรือมุมที่ต้องการความสว่างเฉพาะจุดเช่นการอ่านหนังหัวเตียงหรือมุมนั่งเล่น
ซึ่งตรงนี้อยู่ที่ความพอใจเรื่องดีไซน์เข้ากับบ้านมากกว่าแสงสว่างในการใช้งาน
โคมไฟโต๊ะทำงาน
(Desk Lamps) จุดประสงค์ของมันก็คือการให้แสงสว่าง
ตรงไปยังบริเวณที่ต้องการโดยเฉพาะ
ดังนั้นจึงออกแบบให้สามารถปรับองศาได้หลากหลายเพื่อไม่ให้เกิดเงามืดของมือบังแสงขณะอ่านหรือเขียนหนังสือ
เมื่อรู้จักแสงไฟจากหลอดและโคมประเภทต่างๆแล้วลองนำความรู้นี้ไปประยุกต์ใช้กับห้องของคุณดูล่ะกันหวังว่าคงจะช่วยให้บรรยากาศในห้องดูดีขึ้นบ้าง