รูปแบบจำนวนเชิงซ้อนมีหลายรูปแบบ แต่ในที่นี้จะขอกล่าวเฉพาะที่นิยมใช้ในการเรียนการสอนเท่านั้น
ใช้ สูตรการเปลี่ยนรูปแบบจำนวนเชิงซ้อน
1. การเปลี่ยนจำนวนเชิงซ้อนจากรูปแบบแกนมุมฉากเป็นรูปแบบเชิงขั้ว
รูปแบบจำนวนเชิงซ้อนแบบแกนมุมฉาก
Z = 3 + j4
วิธีเปลี่ยน ให้นำตัวเลขของจำนวนจริง
(จำนวนหน้า) และตัวเลขจำนวนจินตภาพ (จำนวนหลัง) มายกกำลังสองและบวกกัน
เสร็จแล้วให้นำไปถอดค่ารากกำลังที่สอง จะได้เป็นจำนวนแรกของรูปแบบเชิงขั้ว ส่วนจำนวนที่สองของรูปแบบเชิงขั้ว หาได้จาก
การนำตัวเลขของจำนวนจินตภาพหารด้วยตัวเลขของจำนวนจริงของรูปแบบแกนมุมฉาก
เสร็จแล้วนำไปหาค่า tan-1 ก็จะได้ออกมาเป็นค่ามุม
ซึ่งจะเป็นค่าจำนวนที่สองของรูปแบบเชิงขั้ว
ตัวอย่าง จงเปลี่ยนจำนวนเชิงซ้อน Z = 3 + j4 ให้อยู่ในรูปแบบเชิงขั้ว
รูปแบบจำนวนเชิงซ้อนรูปเชิงขั้ว
Z = rÐq°
จากคำตอบ r
= 5
q
=
53°
วิธีการหาค่ามุมของ tan-1 สามารถหาได้หลายวิธี เช่น
1. อย่างง่าย
สามารถหาค่าโดยประมาณ โดยการเขียนลงบนกระดาษกราฟ วิธีนี้เราจะหาค่าได้ใกล้เคียงหรือไม่ขึ้นอยู่กับตารางที่เราใช้
ต้องเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส และยังสามารถหาค่าขนาดความยาวของผลรวม คือค่า r ได้ด้วย โดยการวัด
เช่น Z
= 3 + j4
จากรูป ค่า r
คือความยาวของเส้นผลรวม คือเส้นสีน้ำเงิน ใช้ไม้บรรทัดวัด
ค่า
q
คือมุม q ในรูป วัดได้โดยการใช้เครื่องมือวัดมุม เช่น ไม้โปรแทรกเตอร์
เราก็จะได้ค่าจำนวนเชิงซ้อนในรูปแบบเชิงขั้ว
โดยประมาณ
2.
การเปลี่ยนจำนวนเชิงซ้อนจากรูปแบบเชิงขั้ว เป็นรูปแบบแกนมุมฉาก
รูปแบบจำนวนเชิงซ้อนรูปเชิงขั้ว
Z = rÐq°
เช่น Z = 30 Ð50°
เปลี่ยนให้อยู่ในรูปแบบแกนมุมฉาก
รูปแบบจำนวนเชิงซ้อนแบบแกนมุมฉาก
Z
= x + jy
วิธีการเปลี่ยน ทำได้ดังนี้
1. เปลี่ยนจากรูปแบบเชิงขั้ว
ให้เป็นรูปแบบตรีโกณมิติ (Trigonometric Form) ซึ่งเป็นรูปแบบที่มีความสัมพันธ์กันอยู่ระหว่าง
รูปแบบแกนมุมฉาก และรูปแบบเชิงขั้ว
จำนวนเชิงซ้อนรูปแบบตรีโกณมิติ
เขียนได้ดังนี้
Z = r (cosq ± jsinq)
จาก Z = 30 Ð50° สามารถเขียนให้อยู่ในรูปแบบตรีโกณมิติ
ได้ดังนี้
Z = 30 (cos50° + jsin50°)
2. หาค่า cos และ sin ของมุม
Z = 30 (0.643 + j0.766)
3. คูณค่าจำนวนจริง เข้าไปในวงเล็บ จะได้
Z = 19.3 + j23
4. ก็จะได้จำนวนเชิงซ้อนในรูปแบบแกนมุมฉาก
หมายเหตุ ตัวอักษรอักขระ จะแสดงผลได้ดีด้วย Broser ของ Internet Explorer
หมายเหตุ ตัวอักษรอักขระ จะแสดงผลได้ดีด้วย Broser ของ Internet Explorer
ความคิดเห็น